McLaren 720S

McLaren 720S ที่สุดแห่ง Supercar

McLaren (แม็คลาเรน) แบรนด์รถซูเปอร์คาร์สุดหรู สัญชาติอังกฤษ ซึ่งได้ก่อตั้งบริษัทขึ้นเมื่อปี 1989 โดย รอน เดนนิส (Ron Dennis ) เขาเคยเป็นสมาชิกของทีมฟอร์มูลาวันมาก่อน บริษัทแม็คลาเรนได้เน้นการผลิตเฉพาะรถสปอร์ตความเร็วสูงที่มีความโดดเด่นมากทั้งในเรื่องของความเร็วและดีไซน์ที่ล้ำสมัย แม็คลาเรนก็ได้ผลิตรถรุ่นใหม่ออกมาโดยใช้ชื่อ McLaren 720S ถูกเผยโฉมในปี 2017 ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ โดยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวรถได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของฉลาม จุดเด่นที่ช่วงล่างด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบใหม่ พร้อมกับอัตราเร่งที่ทรงพลัง 0-100 ในช่วงเวลาที่ต่ำกว่า 3 วินาที

ขุมพลังขับเคลื่อนของ McLaren 720S เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบรุ่นใหม่ 4.0-litre V8 ให้กำลังเครื่อง 720 แรงม้า แรงบิด 770 นิวตันเมตร ด้วยอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักสูงถึง 561 แรงม้าต่อตัน อัตราเร่ง 0-60 ไมล์/ชม. ใน 2.8 วินาที (0-100 กม./ชม. ใน 2.9 วินาที) และ 0-200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) ใน 7.8 วินาที

โดยทำความเร็วสูงสุดที่ 212 ไมล์/ชม. (341 กม./ชม.) เบรกจากความเร็ว 200 กม./ชม. จนถึงหยุดนิ่งในเวลาเพียง 4.6 วินาที ภายในระยะทาง 117 เมตร

ช่วงล่างของ McLaren 720S จัดเป็น Adaptive Suspension หรือกันสะเทือนที่ปรับการตอบสนองได้ตามรูปแบบการขับขี่ ถูกควบคุมด้วยระบบ ‘ProActive Chassis Control’ เจเนอเรชั่นที่ 2 หรือ ‘PCC II’ แนวคิดของระบบนี้ จาก McLaren อาจทำให้ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์หลายค่ายต้องทึ่ง วัตถุประสงค์คือ “การแยกความนุ่มนวลในการขับขี่ออกจากอาการโคลง ขณะรถเข้าโค้ง”

เจ้าตัว 720s จึงไม่จำเป็นต้องมีเหล็กกันโคลงมาช่วยสร้างน้ำหนักส่วนเกินอีกต่อไป ช็อคอัพทั้ง 4 ล้อ ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันผ่านวงจรไฮดรอลิค ความคล่องตัวในการไหลของของไหล (Fluid) ภายในวงจร จะเป็นตัวแปรหลักต่อการตอบสนองของระบบกันสะเทือนทั้งระบบ ซึ่งจะถูกคอนโทรล ‘ผ่านวาล์ว’ ภายใต้การควบคุมการทำงานโดยสมองกลอีกทีอาการ ‘ยุบตัว’ หรือ ‘ยืดตัว’ ของช็อคอัพตัวใดตัวหนึ่งจึงส่งผลต่อเนื่องไปยังช็อคอัพตัวอื่นๆ 

ได้ตามการประมวลผลซึ่งซอฟต์แวร์ในส่วนของงานแชสซีถูกออกแบบผ่านแบบจำลองทางคณิตศาสตร์โดยความร่วมมือของMcLaren กับ University of Cambridge เพื่อให้ได้ ‘อัลกอริทึม’ ในระดับก้าวหน้า (Advanced Algorithms) รองรับตัวแปรจากการทำงานของช่วงล่างในทุกสภาพถนน จากเซ็นเซอร์จำนวน 12 ตัว ทุกสัญญาณอาทิ อัตราเร่ง, องศาการหักเลี้ยวของพวงมาลัย, แรงดันภายในช็อคอัพแต่ละล้อ จะถูกนำมาวิเคราห์และประมวลผลก่อนสั่งปรับแต่งอาการของรถ ด้วยเวลาในทุกขั้นตอนเพียง 0.002 วินาที 

ภายในรถ เมื่อคุณเปิดประตูเข้าไปนั่ง ประตูเป็นแบบปีกนกและเพื่อให้ใช้งานง่ายต่อการปิด ได้ติดตั้งระบบดูดประตูเข้าไปด้วย เหมือนรถระดับหรูกันเลยการวางตำแหน่งของประตูและความสูงของตัวรถนั้นมีความพอดีทำให้เข้าออกรถได้อย่างง่ายดาย เบาะนั่งคาร์บอนหุ้มหนังกลับที่บางเฉียบ โอบรับกับตัวผู้ขับขี่มองจากตำแหน่งคนนั่ง  

จะเข้าใจในกฎการออกแบบของ McLaren ว่าทำอย่างไรให้ผู้ขับรู้สึกไม่อึดอัด สิ่งที่ทำให้โปรงคือหลังคาด้านหลังเป็นกระจก ทำให้การมองโล่งให้ทัศนวิสัยที่ดีมาก  ต้องชมทีมงานการออกแบบที่เข้าใจในผู้ขับขี่

พวงมาลัยของ McLaren เรียบง่ายชนิดที่ไม่มีอะไรให้กดบนพวงมาลัยเลย เป็นความตั้งใจในการออกแบบ เพื่อให้ผู้ขับตั้งใจในการขับขี่มากที่สุดดังนั้นการออกแบบจะเป็นแบบเรียบง่าย รวมทั้งหน้าปัดสามารถพับเก็บลงได้ เพื่อไม่ให้ปังสายตาแต่ก็ยังจะโชว์ เฉพาะค่าที่จำเป็นต่อการขับซิ่งจริงๆ เหมือนกับพวกรถ F1 ถ้ากางหน้าปัดออกมา คุณจะได้ข้อมูลทุกอย่างที่ต้องการ ขึ้นอยู่กับว่าจะปรับไปโหมดไหน

ถ้าเป็นโหมด Comfort มันจะโชว์ค่าน้อยลงทำให้มองแล้วสบายตา แต่ถ้าไปที่โหมด Track สำหรับการขับซิ่งในสนามแข่ง ค่าอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการซัดรถก็จะโชว์ข้อมูลครบมากขึ้น แต่ถ้ากดโหมด Active Dynamic Panel ส่วนของหน้าปัดไปที่ Track หรือกดปุ่มพับหน้าปัดเอง ตัวแผงมาตรวัดจะล้มตัวมาข้างหน้าแล้วเลื่อนเข้าเก็บ เหลือเพียงจอโชว์ค่าบางค่าที่จำเป็น เพื่อให้ผู้ขับไม่เสียสมาธิ

สรุปบอกได้เลยว่า 720S นั้นถ้ารถในกลุ่มเดียวกัน ด้วยราคา เริ่มต้นที่ 26 ล้านบาท ไปจนถึง 30 ล้านบาท นั้นเรียกได้ว่าก้าวข้ามผ่านคำว่า ซุปเปอร์คาร์ ไปแล้วมันควรจะเป็น ไฮเปอร์คาร์ ด้วยระบบต่างๆที่ถ้านั่งพูดกันว่ามีระบบพิเศษต่างๆ คงไม่ต้องบอกว่าดีตรงไหนเพราะมันดีมากจนไม่สามารถหาคำมาพูดแทนได้เลย

ขอบคุณข้อมูลจาก autospinn / Mclaren thailand

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับรถแต่ง ได้ที่ roadzing : สนันสนุนโดย PG SLOT